Tuesday, April 28, 2009

จดหมาย

27/04/2009
เชียงใหม่

จดหมายถึงพี่ชาย..

พี่หนึ่งคะ นับตั้งแต่แนนได้รับข่าวการจากไปของพี่หนึ่ง จนถึงวันนี้ แนนยังไม่อยากจะเชื่อว่า มันเกิดขึ้นแล้วจริงๆ พี่ชายที่น่ารัก ใจดี ห่วงใยน้องๆเสมอ ถึงแม้ว่าเราจะไม่ค่อยได้พบกัน แต่ทุกครั้งที่พบกัน พี่หนึ่งมักมีแต่ความรู้สึกที่ดีๆ และ ความอบอุ่นให้กับน้องๆและทุกคนในครอบครัวใหญ่ของเราเสมอ...แต่วันนี้ พี่หนึ่งไม่อยู่กับเราแล้ว...

ระหว่างนั่งมองปุยเมฆจากกรอบหน้าต่างของเครื่องบินที่พาแนนกลับบ้าน เพื่อไปเจอพี่หนึ่งเป็นครั้งสุดท้าย แนนนึกสงสัยว่า พี่หนึ่งกำลังนั่งอยู่บนปุยเมฆก้อนไหน หรือพี่หนึ่งยังไม่ขึ้นมาอยู่บนฟ้า เพราะเป็นห่วงพี่ปอ และ หลานต้นข้าวกับหลานต้นเทียร ครอบครัวอันเป็นดวงใจของพี่หนึ่ง พี่หนึ่งยังคงอยู่มองดูคนที่รักพี่หนึ่ง เศร้าเสียใจกับการยุติลมหายใจของพี่อยู่หรือไม่ พี่จะรับรู้หรือไม่ ว่าแม้แต่น้องคนนี้ซึ่งไม่ได้เจอพี่มากเท่ากับคนอื่นๆ เสียใจจนกลั้นน้ำตาไม่อยู่เมื่อรู้ว่าพี่ไปจากพวกเราแล้ว แนนอยากให้พี่หนึ่งรับรู้ ไม่ว่าจะเป็นน้องๆคนไหน หรือแม้แต่ใครก็ตามที่พี่แจกจ่ายความรักและความดีของพี่ให้กับพวกเขา พวกเขาก็รักพี่และต่างโศกเศร้าที่จะไม่ได้มองเห็นสิ่งดีๆที่พี่จะให้กับพวกเขาทุกๆวันอีกแล้ว...

อากาศช่วงสายของวันนี้ร้อนจริงๆ แนนเดินทางไปวัดกับพ่อและแม่ เพื่อไปเจอพี่หนึ่ง แต่การเจอกันของเราคราวนี้ ไม่เหมือนกับทุกๆครั้ง เพราะจะเป็นการเจอกันครั้งสุดท้ายของเรา และแนนจะไม่ได้ยินคำพูดตลกแซวเล่นของพี่หนึ่งเหมือนทุกครั้งอีก สิ่งที่แนนทำได้ ก็แค่จุดทุธหนึ่งดอก บอกกับพี่ว่า แนนมาแล้วนะพี่ แนนขอโทษที่ไมไ่ด้มาเร็วกว่านี้ แต่แนนก็มาแล้ว...แนนหวังว่าพี่จะรู้ จะมองเห็นแนน...แล้วน้ำตาที่กดเก็บไว้มันก็ทยอยไหลออกมา แต่แนนไม่อยากร้องไห้ ให้พี่ปอนด์และครอบครัวพี่เห็น เพราะถ้าเทียบความเสียใจที่ต้องเสียพี่ชายที่แสนดีคนนี้ไป กับคามเจ็บปวดของพี่ปอนด์ และ ครอบครัวของพี่ ที่เหมือนโดนควักหัวใจออกไปนั้น มันเทียบกันไม่ได้เลย.....

...เมื่อเราพาพี่หนึ่งขึ้นไปอยู่บนเมณแล้ว คนมากมายหลายสิบ มองด้วยตาก็นับได้ว่าเป็นร้อย หลั่งไหลมาที่ศาลาฟังธรรมแห่งนี้ ทุกคนพร้อมใจกันมา เพื่อส่งพี่เป็นครั้งสุดท้าย เช่นกันกับพวกเรา หลวงพ่อเทศก์ เรื่องความธรรมดาของชีวิตให้แขกที่มาฟัง พี่ปอนด์นั่งอยู่ข้างๆแนน พี่ปอนด์ตั้งใจฟังหลวงพ่อพูดมาก และยิ้มแย้ม แต่ก็ไม่อาจจะซ่อนแววตาที่แสนปวดร้าวเอาไว้ได้ หลวงพ่อบอกว่า พี่ปอนด์ต้องเป็นหญิงเหล็ก เพราะมีคุณหลานสองคนให้ดูแล ต้องเป็นพี่หนึ่งและพี่ปอนด์ในร่างเดียวกัน แนนเชื่อว่าพี่ปอนด์ทำได้นะ ถึงตอนนี้ตัวพี่ปอนด์เองอาจจะไม่มั่นใจ แต่แนนรู้ว่า พี่ปอนด์เกิดมาเพื่อคู่กับพี่หนึ่งอย่างแท้จริง และเมื่ออยู่ด้วยกัน สิ่งดีๆของทั้งพี่หนึ่งและพี่ปอนด์ก็ได้หล่อหลอมรวมกันในคนสองคน ต่อให้วันนี้ไม่มีพี่หนึ่งแล้ว พี่ปอนด์ก็มีพี่หนึ่งอยู่ในทุกลมหายใจ อยู่ในความรู้สึกทุุกๆวินาที...

...ช่วงเวลาที่โศกเศร้าที่สุด คือตอนที่พี่ปอนด์อ่านคำไว้อาลัยพี่หนึ่ง แนนมองพี่ปอนด์ กับใบหน้าและแววตาของคนที่หัวใจสลายนั้น ทำให้แนนเศร้าและร้องไห้ออกมาอีก ครั้งนี้ แนนคงไม่อาจจะกลั้นไว้ได้ เพราะถ้อยคำไว้อาลัยรักของพี่ปอนด์เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและอาลัยอย่างสุดซึ้ง รวมไปถึงครอบครัวของพี่ทุกคน แนนคิดเอาเองว่า พี่หนึ่งอาจจะยืนอยู่ไกล้ๆที่ไหนสักแห่ง และเฝ้าดูทุกๆคนอยู่เวลานี้ และรับรู้ความรู้สึกของทุกๆคนอยู่ ....... พี่หนึ่งคะ ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหน จะไปที่ไหน แนนอยากให้พี่รู้ว่า พี่จะไม่ตายไปจากพวกเรา ครอบครัวของเรา และเพื่อนๆของพี่ เพราะสิ่งดีๆที่พี่ให้กับทุกคน จะทำให้ทุกคนคิดถึงพี่ตลอดไปไม่มีวันลืม...ดูแลพี่ปอนด์และคุณหลาน ให้เข้มแข็ง ต่อสู้ไปด้วยกันให้ได้นะคะ

...สำหรับแนน จะคิดถึงพี่หนึ่ง พี่ชายที่น่ารักของน้องๆทุกคนตลอดไปเช่นกัน และ ถ้าชาติหน้ามีจริงอย่างที่ใครๆบอก แนนอยากให้พี่หนึ่งกลับมาเป็นพี่ชายแนนอีกนะคะ

ขอให้พี่หนึ่งมีความสุข ไม่ว่าพี่จะอยู่ที่ไหนก็ตาม....แล้วเจอกันค่ะ

ด้วยรักและอาลัย
แนน

Tuesday, April 21, 2009

good bye..

...ความตาย ไม่ได้เจ็บปวด การลาจากต่างหาก ที่ปวดร้าวทรมาร...

...น้ำตา ไหลออกมาจากหัวใจ

...ความตาย เรื่องธรรมชาติแสนธรรมดา แต่สร้างความโศกเศร้าได้มากมายเหลือเกิน

...คุณค่าปรากฎเมื่อทุกอย่างหายไป จากไป

...แต่รอยยิ้ม ติดตรึง ยาวนาน ประทับอยู่ในหัวใจตลอดไป

...ความเศร้า ผ่านมาเหมือนลม แล้วจะผ่านไป แต่ความหนาวที่เกาะกุมใจ ยังคงอยู่

...ลืมตาตื่น แล้วภวนา ขอให้ทุกวันหลังจากนี้เป็นเพียงแค่ฝัน

...โพรงสีเทาทอดยาวในทรวงอก โหวงเหวง เหน็บหนาว..

...ลาก่อน ไม่นาน ก็เจอกัน

Wednesday, April 1, 2009

ฝัน..อีกครั้ง


..ฝันไป ไม่มีอะไรที่เกินเลยอีกต่อไป
...ฝันไป ไ มีอะไรจะให้จะรับจากกัน
...คนเรานานๆหัวใจมันเปลี่ยนไป ตัวเราเพิ่งเข้าใจ
...ดูแต่วันวานที่เธอเคยใส่ใจวันนี้ไม่มีอะไรเหลือเลย
...ดูเหมือนเรายังคงฝันไป ช่างเร็วช่างไวอย่างนั้น
...วันเวลาที่เรารักกัน วันนี้เป็นเพียงแค่ ฝัน
...อย่างเคย 
 
/// ความฝัน พื้นที่ส่วนตัว ที่เราจะสร้างวิมานอะไรก็ได้ ไม่มีใครรู้
เราฝันเมื่อเราหลับ แม้เราตื่น เราก็ยังฝัน มันไม่ผิดมิใช่หรือ ที่จะฝันตลอดเวลา ตราบใดที่เรายังระรึกได้ว่าความจริงเมื่อตื่นขึ้นนั้นคืออะไรและ พอใจที่จะอยุ่กับมัน
ความฝันของใครหลายๆคน มีที่เรื่องดีงามและเลวทราม  (หรือแม้แต่วิปริตสัปดน)
แต่ในภวังค์ของเรา ใครเล่าจะมาตัดสิน เมื่อเราพาห้วงคำนึงของเราออกจากกรอบที่ถูกสร้างเรียกว่า ศิลธรรม เราก็สามารถจะโบยบินในอากาศ ได้ตามใจนึก ทำในสิ่งที่อยากทำได้ทุกอย่าง ฉันคิดว่า ภวังค์ความฝันนี้ถูกออกแบบให้เป็นห้องแห่งความลับที่ไม่ว่าใครก็เข้ามาไม่ได้ และมีประโยชน์มากในการปลดปล่อยสิ่งหลากหลายออกจากจิตสำนึก....
...ผู้ชายคนหนึ่ง นั่งอ่านหนังสือพิมพ์อยู่ที่ร้านกาแฟหน้าออฟฟิส สาวนักศึกษากระโปรงสั้นเดินผ่านเขาไปเพียงชั่ววินาทีหนึ่ง เขาไม่เห็นแม้แต่รายละเอียดของหน้าตาของหล่อน เพียงหางตาเท่านั้นที่แลเห็น และรู้ว่าเป็นมนุษย์ผู้หญิงในวัยรุ่น เขาไม่ได้สนใจเธอเกินอีกสักเสี้ยววินาทีถัดมา แต่สามอาทิตถัดมา เขาฝันเห็นเธอในร่างเปลือยเปล่า อย่างชัดเจนทุกรูขุมขน โดยไม่มีเหตุผลใดอธิบาย แม้แต่ผู้ตกอยู่ในภวังค์นั้นเอง เมื่อลืมตาตื่นมองเห็นภรรยาของเขาหลับอยู่เคียงข้าง เขารู้สึกรักเธอจับใจ และหลับตาลง และลืมหญิงเปลือยคนนั้นอย่างสนิทใจ 
 
...สายตาของชายหนุ่ม ลุ่มลึก มีเสน่ห์ อย่างที่เจ้าของอาจไม่ได้ตั้งใจ ให้เป็น เพียงแต่เธออุปทานไปเองว่าดวงตาคู่นั้นช่างแสนเร้นลับ ยากนักจะเข้าถึง แต่ก็เป็นสิ่งที่เธอชอบที่สุดในตัวเขา ทุกครั้งที่เธอได้คุยกับเขา ได้ยินเสียงของเขา เธอรู้สึกเหมือนเขาได้สัมผัสเธอ อย่างละมุนละไม หลับตาลงมองเห็นใบหน้านิ่งสงบเย็นชานั้นทุกวัน และถ้าโชคดี เธอจะได้เห็นรอยยิ้มน้อยจากมุมปากของเขา มันทำให้เธอสุขใจ สุขทีไ่ด้ฟังเพลงและคิดถึงเขา สุขทีไ่ด้เดินผ่านและได้ได้กลิ่นสบู่จางๆของเขา สุขที่ได้เพียงเฝ้ามองเขาเป็นปีๆ โดยไม่แม่แต่จะคิดสักนิด ที่จะเข้าไปทำความรู้จักให้มากกว่าที่เป็นอยู่....

...ทำไมน่ะหรือ เพราะความฝันนั้นสวยงามตามรุปแบบที่เราสร้างขึ้นเสมอ และบางครั้ง เราก็มีความสุข ที่จะได้เพียงแค่ฝันละเมอคิดพร่ำเพ้อหาใครหรืออะไรไปเรื่อยๆ โดยไม่ต้องการทำให้เป็นความจริงแม้แต่น้อย อาจเพราะกลัวผิดหวัง กลัวว่าฝันแสนสวยที่สร้างไว้ จะไม่เปนดั่งความจริง ซึ่งเกิดขึ้นอยู่เสมอ ชายคนนั้อาจจะไมไ่ด้เป็นคนอย่างที่เธอคิดภาพฝันอยู่ทุกค่ำคืน ก็เป็นได้ และ สิ่งสำคัญเหนือกว่านั้น คือเธอพึงใจเพียงแค่เป็นผู้เฝ้ามองดวงตาคู่นั้น ที่เธอหลงไหลก็เพียงพอแล้ว...


....ฝัน