Sunday, November 1, 2009

ทางเลือก




เผลอแป็บเดียว กระดาษบนปฎิทินตั้งโต๊ะที่ยังดูใหม่ก็เหลือให้ฉีกออกอีกสองสามแผ่นเท่านั้น กลิ่นหอมชื่นใจแปลกๆของดอกพญาสัตบัน เคล้าลมหนาวอ่อนๆพัดมาเหมือนทุกที ไกล้จะสิ้นปีอีกแล้วสินะ...
มนุษย์สมมุติข้อกำหนดในการเดินทางของเวลา ด้วย วัน เดือน ปี อันที่จริงมันก็เป็นเพียงแค่ การเปลี่ยนแปลงไปตามธรรมชาติเท่านั้น เคยอ่านเรื่องสั้นของนักเขียนท่านหนึ่ง เล่าถึงที่เขาเคยเขียนไว้ในสมุดบันทึกว่า "ฉันจะไม่เปลี่ยนแปลง" ประโยคสั้นๆแต่ช่างกล้าหาญและเด็ดเดี่ยวเหลือเกินในความรู้สึกของฉัน ซึ่งบังเอิญว่าฉันก็เคยทำเช่นนั้น แต่ไม่อาจทำตามที่เคยเขียนไว้ได้ เป็นเพราะทุกอย่างเปลี่ยนแปลงตลอด แม้แต่ตัวเรา ไม่่ใช่เพราะมีปัจจัยนอกเหนือการควบคุมมาบังคับเพียงอย่างเดียว แต่เป็นเพราะเราเลือกที่จะเปลี่ยนเอง..
คนเราเลือกเกิดไม่ได้ แต่เลือกที่จะทำได้ เราได้ยินประโยคนี้จนชินหู ฉันคิดว่ามันเป็นความจริงทีเดียว คนเรามีทางเลือกเสมอ อยู่ที่เราตัดสินใจ บางคนชอบพุดว่า "ไม่มีทางเลือก" แต่อาจจะเป็นเพราะ เขาได้ เลือก ที่จะคิดว่ามันไม่มีทางออกอย่างอื่นอีกแล้วรึเปล่า คำสอนของพระพุทธเจ้าในพุทธศาสนา สอนให้คนเรามีสติ คงเพราะชีวิตมีแต่การเลือกและตัดสินใจนั่นเอง หากมีสติ ปัญญาก็จะเกิด และสามารถตัดสินใจในสิ่งที่เหมาะที่ควรได้ ฟังดูเหมือนการเลือกเป็นสิ่งลำบากสำหรับชีวิต แต่ถ้าหากชีวิตไม่สามารถเลือกอะไรได้เองเลย มันจะแย่ขนาดไหน เอาแค่เรื่องเล็กๆอย่างเช่น เย็นนีิ้จะทานอะไรดี ต้องเกิดคำถามขึ้นมาแล้วว่า มีอะไรบ้าง..? และพอมีเยอะก็เลือกไม่ถูก ไม่อยากเลือก(ไม่มีอะไรพอดีจริงๆ)
อย่างไรก็ตาม การได้เลือกหรือไม่ได้เลือก ก็ไม่ได้ดีหรือไม่ดีเช่นกัน เราแค่ดำเนินชีวิตไปตามจังหวะของแต่ละคน และเมื่อถึงเวลาที่จะตัดสินใจ หรือจัดการเรื่องอะไร เราก็แค่ทำให้ดีที่สุด เลือกที่จะสุข เลือกที่จะทุกข์ เลือกทีจะมองทุกอย่างในแง่บวกหรือลบ สิ่งที่เราเลือก ย่อมมีผลกับจิตใจและความรู้สึกของเราเองทั้งหมด หากคิดว่าเป็นเรื่องธรรมดา มันก็จะธรรมดา และเราก็จะผ่านพ้นปัญหาและอุปสรรคในชีวิต ต่างๆไปได้อย่างแน่นอน
พระอาทิตกำลังจะขึ้นที่ขอบฟ้าในอีกมีกี่นาที กระเป๋าเดินทางใบเก่าอวบอ้วนขึ้นอีกครั้ง รองเท้าผ้าใบคู่ใจประจำอยู่ในที่ของมัน สูดหายใจผ่านยาเส้นชื้นๆ พ่นออกมาเป็นกลุ่มควันบางเบา รู้สึกชุ่มหัวใจเหลือเกิน แม้ใครๆจะพูดว่าสิ่งที่ฉันเป็นนั้นล่องลอยไร้สาระและไม่มั่นคง แต่ฉันก็คิดว่ามันเป็นสิ่งที่ฉันได้เลือกเอง ไม่ว่าหนทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ฉันก็พร้อมที่จะรับมัน และอาจมีหนทางให้เลือกอีกมากมาย ไม่เพียงแค่ฉัน แต่เป็นเราทุกคน ...แค่ปล่อยให้หัวใจออกเดินไปกับทางเลือกที่เราคิดว่าดีสำหรับตัวเราและยิ้มไปกับมัน..

คิดถึงทุกปี


คิดถึงทุกปี..
(บินหลา สันกาลาคีรี)

ย้อนไปเมื่อสักสองปีมาแล้ว ครั้งแรกที่ฉันได้รู้จักกับหนังสือที่มีชื่อว่า " คิดถึงทุกปี " พ็อกเก็จบุ๊คขนาดกำลังดี รวมเรื่องสั้นของนักเขียนรางวัลซีไรท์ นามว่า บินหลา สันกาลาคีรี เป็นเพราะมันถูกวางแยกออกจากกลุ่มกองหนังสือมากมายในออฟฟิสที่กรุงเทพ และฉันไม่เคยเห็นมันมาก่อน แต่สะดุดตาที่ชื่อหนังสือ จึงทำให้ต้องหยิบขึ้นมาพลิกดูอย่างคร่าวๆ ยังไม่ทันที่จะได้อ่านหน้าแรกอย่างจริงจัง หนังสือในมือของฉันก็ถูกนำไปห่ออย่างประณีตด้วยกระดาษสีน้ำตาลและบรรจุลงกล่องพัศดุส่งไปรษณีย์พร้อมส่งไปยังต่างประเทศ โดยพี่สาวคนสนิทคนหนึ่ง เธอบอกว่า เธอกำลังจะส่งหนังสือเล่มนี้ ให้่กับเพื่อนเก่าคนหนึ่งที่อยู่ไกลและไม่ได้พบเจอกันมาหลายปี แต่ก็คิดถึงเสมอ การรู้จักชื่อหนังสือเพียงผิวเผินในวันนั้นกลับทำให้ฉันสนใจอยากจะรู้ว่าในหนังสือเล่มนี้มีเรื่องราวแบบไหนซ่อนอยู่ แต่ที่แน่ๆคงจะต้องเกี่ยวกับคำว่า "คิดถึง"คำสั้นๆแต่ใจความลึกซึ้งอย่างแน่นอน
ฉันพบหนังสือเล่มนี้วางอยู่ในร้านเล็กๆที่จังหวัดเชียงใหม่จึงไม่รั้งรอที่จะนำมันกลับมาบ้านด้วย และได้เริ่มอ่านอย่างตั้งใจและประทับใจตั้งแต่บรรทัดแรกของบทนำคือ

ข้าพเจ้า "รัก" คำว่า"คิดถึง"
และมักจะ"คิดถึง"คำว่า"รัก"

เมื่อเริ่มต้นอ่านตั้งแต่บทแรกจนบทสุดท้าย ต้องบอกว่าเป็นหนังสือที่ทั้งอ่านสนุกน่าติดตาม ด้วยการดำเนินเรื่องที่เป็นเอกลักษณ์ ภาษาถ้อยคำที่ใช้ ทำให้ผู้อ่านนึกจินนาการณ์ภาพในหัวตามได้อย่างสนุกสนาน และการจบเรื่องหลายๆแบบ หักมุมบ้าง ชุ่มชื่นหัวใจบ้าง ตั้งคำถามบ้าง แต่ยังคงกลิ่นอายเฉพาะตัวของผู้เขียนอยู่ในทุกบรรทัด เรื่องสั้นแต่ละเรื่อง ส่วนมากพูดถึงความสัมพันธ์ในหลากแง่มุม มีความหมายแฝงแง่คิดดีๆ ในหลายๆด้าน แต่โดยส่วนมากจะเจือปนความรุ้สึกเศร้าเหงาอยู่ด้วยอย่างบอกไม่ถูก ยกตัวอย่างหนึ่งในเรื่องสั้น ชื่อว่า "สัตว์สองนอ" พูดถึงแง่คิดเกี่ยวกับความถูกต้องของแต่ละคน ทำให้เราตั้งคำถามกับตัว เองว่า สิ่งที่เรามองว่าถูกนั้นเป็นความถูกต้องที่แท้จริงหรือ? หรือแม่แต่สิ่งที่เรามองว่าผิด มองว่าเพี้ยน มองว่าแปลกแท้จริงตัวเราเองหรือเปล่าที่ผิด และยังแฝงแง่คิดในการหันมามองตัวเอง พิจรณาตัวเองอย่างยอมรับในความจริง และยอมรับในความคิดของคนอื่น เรื่องสั้น "สัตว์สองนอ"ได้รับรางวัลชมเชยเรื่องสั้นประจำปี ในปี พ.ศ.2537 ของสมาคมภาษาและหนังสืออีกด้วย
ขอยกตัวอย่างอีกสักเรื่องที่มีชื่อเดียวกับหนังสือคือ"คิดถึงทุกปี"เป็นเรื่องเกี่ยวกับ ความรักความสัมพันธ์ ประโยคหนึ่งในเรื่องที่พูดว่า

" การทะนุถนอมคนที่เรารักมันเป็นเรื่องปรกติ แต่การถนอมหัวใจคนที่เราไม่ได้รัก ใครจะทำได้สักกี่หน "

ประโยคข้างต้นทำให้ฉันได้ฉุกคิดว่า หัวใจคนเรานั้นเป็นสิ่งที่ซ้อนและลึกลับยิ่งกว่าสิ่งไหน สิ่งที่เรามองเห็น อาจะไม่ใช่สิ่งที่เราคิดว่าเป็นอยู่ เพราะบางอย่างไม่อาจมองเห็นได้ด้วยตา แต่หากต้องใช้ควารู้สึก ใช้ใจในการรับรู้ และอาจตั้งคำถามอีกว่า เราจะเลือกคนที่ทะนุถนอมเราหรือเราจะเลือกคนที่รักเรา อย่างไรก็ตาม แม้ในความลึกซึ้งทั้งสองรูปแบบจะมีความเจ็บปวดลึกๆซ่อนอยู่ แต่ก็ถือเป็นสิ่งดีที่จะได้รับการทะนุถนอมหรือความรักจากใครสักคน นอกจากนี้ยังมีเรื่องสั้นหลากอารมณ์อีกรวมทั้งหมด 9 เรื่อง เมื่ออ่านจบครบทุกเรื่องแล้วจะได้รับความเต็มอิ่มทั้งในด้านอารมณ์และแง่คิดอย่างแน่นอน และจะเป็นหนังสือที่ฉัน (และค่อนข้างมั่นใจว่าคุณและใครอีกหลายคนก็เช่นกัน) จะต้องหยิบมาอ่านซ้ำๆอย่างไม่รู้เบื่อแน่นอน

ไม่ว่าจะ เพราะคิดถึงจึง รัก หรือ รักจึงคิดถึง หรืออาจจะ ขอแค่ คิดถึงก็แล้วแต่ ฉันเชื่อว่าการให้ความรู้สึกดีๆต่อกันนั้นเป็นสิ่งที่ดีไม่ว่าจะแสดงออกให้รับรู้ หรือ เก็บเอาไว้ในส่วนลึกของจิตรใจก็ตาม ไม่ว่าอย่างไร เราก็ระรึกเสมอ ว่าเรามีใครทีเรา

"คิดถึงทุกปี"


(ps.ตีพิมพ์ใน HIP Magazine ฉบับ กันยายน 2552)